by NayNoy.Com Posted on 2022-03-18
1. เช็คประกันเครื่อง
ก่อนอื่นเราต้องตรวจสอบสถานะการรับประกันของตัวเครื่องว่ายังเหลืออยู่หรือไม่ โดยสามารถนำเลข serial number ไปเช็คบนเว็บไซต์ Apple ได้โดยตรง >ที่นี่<
สำหรับเลข serial number สามารถเข้าไปดูได้ที่ Settings > General > About
หากตัวเครื่องยังมีประกันเหลือ จะแสดงเครื่องหมายสีเขียว และข้อความ [ความคุ้มครองการบริการและการซ่อม: ยังคงใช้ได้] พร้อมทั้งระบุวันที่หมดประกันเอาไว้ด้วยดังรูปตัวอย่าง
แต่ถ้าเป็นเครื่องหมายสีเหลืองแบบนี้ แปลว่าเครื่องนี้หมดประกันแล้ว ไม่สามารถนำไปเคลมกับทางศูนย์ได้ครับ
2. เช็คว่าเครื่องเคยโดนน้ำหรือไม่
ถึงแม้ iPhone จะการันตีว่าสามารถกันน้ำได้ในระดับ IP67 หรือ IP68 แต่เราก็ไม่ควรใช้งานแบบลุยน้ำลุยฝน เพราะจริงๆ แล้วมันไม่สามารถกันน้ำได้สนิท 100% ที่สำคัญคือ iPhone ที่น้ำเข้าจะหมดประกันทันที ไม่สามารถเคลมกับทางศูนย์ได้แม้ว่าเช็คบนเว็บไซต์แล้วจะยังมีประกันเหลืออยู่ก็ตาม แม้กระทั่ง AppleCare+ ก็ไม่คุ้มครองกรณีน้ำเข้าเช่นกัน
หากเรากำลังจะซื้อ iPhone มือสอง การเช็คว่าเครื่องเคยโดนน้ำเข้าหรือไม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ ด้วยการดูที่แถบวัดความชื้นในถาดใส่ซิมการ์ดของตัวเครื่อง (LCI) หากเคยโดนน้ำเข้ามาก่อนแถบวัดจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง ซึ่งตำแหน่งของแถบวัดความชื้นของ iPhone แต่ละรุ่น มีดังนี้ :
iPhone 13 | iPhone 13 Mini
iPhone 13 Pro
iPhone 13 Pro Max
iPhone 12 | iPhone 12 Mini
iPhone 12 Pro
iPhone 12 Pro Max
iPhone 11
iPhone 11 Pro, iPhone 11 Pro Max
iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone X
iPhone XR
iPhone SE (2020), iPhone 8, iPhone 8 Plus
สามารถดูตำแหน่งแถบวัดความชื่นของ iPhone รุ่นอื่นๆ ได้ >ที่นี่<
3. เช็คสภาพตัวเครื่อง
หลังจากตรวจสอบประกัน และความชื้นแล้ว ก็มาตรวจสภาพตัวเครื่องกันต่อ แน่นอนว่า iPhone มือสองที่เคยผ่านมือใครต่อใครมาแล้วนั้น ยากที่จะมีสภาพใหม่ไร้ตำหนิ แต่ตำหนิที่มีก็ควรจะอยู่ในสภาพที่รับได้ ในเบื้องต้นแนะนำให้เช็คตัวเครื่องดังนี้
1. หน้าจอต้องไม่แตก ไม่ร้าว และต้องไม่มีรอยขีดข่วนที่เป็นแผลลึก
2. พอร์ต Lightning ต้องสามารถชาร์จแบตเตอรี่ และเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้ตามปกติ
3. ตรวจสอบพอร์ต Lightning ว่ามีร่องรอยความเสียหาย เช่น รอยไหม้ หรือไม่
4. ปุ่มทุกปุ่มบนตัวเครื่องทำงานเป็นปกติ ไม่หน่วง ไม่ค้าง และไม่จม
5. Face ID ต้องใช้งานได้
6. หากเป็นรุ่นที่มีปุ่มโฮม ระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID ต้องใช้งานได้
7. ตรวจสอบว่ากล้องหลังมีฝุ่นเข้าไปข้างในเลนส์หรือไม่
8. ตรวจสอบลำโพงว่าสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ หากเป็นไอโฟนรุ่นใหม่ ๆ ตั้งแต่ iPhone 7 ขึ้นไป ลำโพงจะต้องดังทั้งด้านล่างตัวเครื่อง และด้านบนบริเวณใกล้ ๆ กับกล้องหน้า
4. ตรวจหา Dead Pixel
Dead Pixel คือเม็ดสีบนหน้าจอที่ไม่ทำงาน ทำให้เกิดเป็นจุดสีดำหรือสีอื่นๆ บนหน้าจอ หรือถ้าหนักหน่อยอาจจะมองเห็นเป็นเส้นเลย ซึ่งจะรบกวนสายตาเราขณะใช้งานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเจอแบบนี้แนะนำว่ามองหาเครื่องอื่นดีกว่าเพราะวิธีแก้ไขค่อนข้างยุ่งยาก ไม่คุ้มกับเงินและเวลาที่เสียไปแน่นอนครับ
สำหรับการตรวจหา Dead Pixel จะต้องทำบนหน้าจอที่มีสีเดียวกัน ซึ่งสามารถเข้าไปเช็คได้ >ที่นี่<
5. ทดสอบการเชื่อมต่อ 5G, 4G, Wi-Fi, การโทร ฯลฯ
อีกจุดหนึ่งที่สำคัญคือการเชื่อมต่อ 4G, Wi-Fi และการโทรเข้า-โทรออก เพราะถ้าฟังก์ชั่นเหล่านี้มีปัญหา iPhone ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับที่ทับกระดาษ จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า iPhone มือสองที่เรากำลังจะซื้อ สามารถใช้เน็ต 4G และ Wi-Fi ได้ตามปกติ, โทรเข้า-โทรออกได้โดยได้ยินเสียงคู่สนทนชัดเจนครับ
6. เช็คสภาพแบตเตอรี่
ตรวจสอบว่า แบตเตอรี่เสื่อมหรือไม่ สามารถดูได้จาก Settings > Battery > Battery Health หากเป็น 100% หมายความว่าเป็นแบตเตอรี่ที่ยังมีสภาพสมบูรณ์เหมือนใหม่ หรือถ้าต่ำกว่านี้ ก็ไม่ควรต่ำกว่า 80% หากต่ำกว่านี้ก็ควรพิจาณางบเพิ่มเติมสำหรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เพราะเครื่องจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
7. เช็คว่าอะไหล่ถูกเปลี่ยนมาหรือไม่
หากเป็นไปได้ ให้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นว่าเครื่องไอโฟนได้รับการเปลี่ยนอะไหล่มาหรือไม่ หรืออะไหล่ด้านในเป็นของแท้หรือไม่ด้วยโปรแกรม 3uTools (ดาวน์โหลดที่นี่) โดยให้ผู้ใช้ทำการดาวน์โหลด และติดตั้ง 3uTools ไว้ในคอมพิวเตอร์ จากนั้นปลดล็อกหน้าจอไอโฟน และเสียบสายเข้ากับคอมพิวเตอร์ จากนั้นให้ทำการกดที่คำว่า View Verification Report โดยตัวโปรแกรมจะทำการอ่านเลข Serial Number ของฮาร์ดแวร์แต่ละชิ้น เพื่อทำการวิเคราะห์ว่าเป็นอะไหล่ของแท้หรือไม่ หากเป็นอะไหล่แท้จะปรากฏคำว่า Normal เป็นสีเขียวในแถบ Test Result หากทำการทดสอบแล้วพบว่า ข้อความในแถบ Test Result เป็นสีเหลือง หรือสีแดง ให้สันนิษฐานเบื้องต้นไว้ก่อนว่า ไอโฟนเครื่องนั้นอาจมีการเปลี่ยนอะไหล่ภายในมาใหม่ครับ
และทั้งหมดนี้คือวิธีตรวจเช็ค iPhone มือสองเบื้องต้น ที่จะช่วยให้ทุกท่านไม่พลาดท่าถูกร้านหลอกเอาได้ง่ายๆ และไม่หงุดหงิดกับปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกับสาระดีๆ จากทีมงาน Thaimobilecenter ได้ใหม่ในโอกาสหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
แรกเริ่มกล่อง iPhone ของเราต้องอยู่ในซีลยังไม่มีการแกะใดๆ (แต่ถ้าซื้อเครื่องที่ไม่ใช่ที่ศูนย์ต้องดูต่อไปเพราะสามารถนำมาซีลใหม่ได้) ตรวจเช็คอุปกรณ์ของเครื่อง ต้องครบถ้วน และอยู่ในสภาพสมบูรณ์ สภาพตัวเครื่อง ฝาหลัง กรอบ จอ ไม่มีรอยตำหนิ และงานประกอบต้องสมบูรณ์ ไม่มีรอยแตกหรือแยก สามารถตรวจสอบได้โดยนำมาส่องกับไฟ ถ้ามีรอยแยกจะมีแสงลอดออกมา
ลองเขย่าเครื่อง ตัวเครื่องจะต้องประกอบแน่น เวลาเขย่าต้องไม่มีเสียง
ปุ่มกดต่างๆ ต้องแน่น ไม่หลวม หรือกดยากจนเกินไป และตอบสนองได้ดี
ถ้าเครื่องมือ 1 และใหม่แกะกล่องจริงประกันกับทาง Apple จะต้องไม่เดินหรือหมดไปแล้ว, IMEI หรือหมายเลขเครื่องเช็คได้ในตัวเครื่องและหลังกล่อง (ทั้ง 2 ที่ต้องเหมือนกัน) ส่วนการเช็คประกันเข้าไปที่เว็บ https://checkcoverage.apple.com/th/th/ จากนั้นนำ IMEI ไปตรวจสอบ
เช็คยังไงว่าเป็นเครื่องศูนย์ไทยจริง Model ต้องเป็น TH ตัวอย่างตามรูปที่ 1 Model = MLXQ2TH/A เห็นแบบนี้แล้วมั่นใจเลยว่าเครื่องไทยแน่นอน
ใส่ซิมการ์ดของคลื่นในไทยเข้าไปจะต้องรับสัญญาณได้และลองโทรเข้าออกแบบนี้จะเรียกว่าเครื่อง Unlocked SIM สามารถนำไปใส่กับซิมใดๆ ก็ได้ทั่วโลก
สำหรับ iPhone 5s, 6, 6 Plus, 6s, 6s Plus และ SE จะมาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ ดังนั้นต้องทดสอบเพิ่มลายนิ้วมือเสมอ เพราะถ้าสแกนไม่ได้จะไม่สามารถซ่อมได้ ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่เท่านั้น
ทุกรุ่นจะมีปุ่ม Home (ปุ่มตรงกลางที่อยู่บนหน้าจอด้านล่าง) ต้องทดสอบกดดูว่าตอบสนองหรือไม่
ปุ่ม Power หรือปุ่มปิดเปิดเครื่องกดได้ไหม ตอบสนองหรือเปล่า
กด + ต้องเพิ่มเสียงและกด – เสียงต้องลด อย่าให้สลับกัน
ปุ่มที่ใช้ปรับให้สั่นจะอยู่ด้านข้างซ้ายของเครื่องเหนือปุ่มปรับเสียง โดยหากเปิดโหมดสั่น ตัวเครื่องต้องสั่นด้วย เช็คการตั้งค่าการสั่นไปที่
ลองปิดเปิด Vibrate on Ring (สั่นเวลาเสียงเรียกเข้า) และ Vibrate on Silent (สั่นเวลาเงียบ) ถ้าเครื่องสั่นก็ถือว่าปกติ
เช็คเสียงจากลำโพงด้านล่างโดยการทดสอบปรับเปลี่ยนเสียงเรียกเข้า ลำโพงส่วนนี้จะต้องดัง เช็คเสียงลำโพงทำได้โดยไปที่
ลองปรับระดับดูหรือจะเข้า Youtube เปิดเพลงในนั้นก็ได้เช่นกัน
ทดสอบลำโพงส่วนนี้โดยการโทรออกผ่านซิมเบอร์มือถือเช็คว่าได้ยินหรือไม่และชัดหรือเปล่า (อย่าลืมดึงพลาสติกคลุมหน้าจอออก) และทดสอบเพิ่มโดยการโทร Facetime แบบเสียงว่าได้ยินหรือไม่
ไมค์จะอยู่ด้านล่างทดสอบโดยการโทรออกและการใช้แอปบันทึกทึกเสียง อีกทั้งแนะนำให้นำหูฟังมาทดสอบพร้อมขั้นตอนนี้ได้เลย
การโทรเข้า-ออก เวลาที่เราเอาจอแนบหู จอแสดงผลต้องดับลงเซนเซอร์ดังกล่าวจะอยู่ติดกับกล้องหน้า วิธีทดสอบให้โทรออกแล้วใช้นิ้วชี้ปิดบริเวณนั้น ถ้าจอดับก็ถือว่าผ่าน
ทดสอบโดยเข้าไปที่ Settings (การตั้งค่า) > Wi-Fi > On ว่าสามารถรับสัญญาณได้ไหมหรือเจอสัญญาณ Wi-Fi หรือไม่มากน้อยเพียงใด ปัญหาบางครั้งพบว่า Wi-Fi เมื่อเปิดใช้งานจะพบตัวปล่อยสัญญาณน้อย ลองเทียบกับเครื่องอื่น(ถ้าหากมีเพื่อนไปด้วย) เปิดดูว่าสัญญาณ Wi-Fi ที่ตรวจจับได้นั้นพอๆ กันหรือเปล่า
ทดสอบ Bluetooth โดยเข้าไปที่ Settings (การตั้งค่า)> Bluetooth (บลูทูธ) > On เปิดสัญญาณแล้วเช็คว่าเจออุปกรณ์ใดหรือไม่ (ในพื้นที่นั้นต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้ Bluetooth อยู่ หรืออาจจะนำอุปกรณ์บลูทูธอย่างหูฟังไปด้วยก็ได้)
ลองใช้กล้องถ่ายรูปว่าและแฟลช ลองแตะเพื่อปรับโฟกัสภาพ (tap to focus) โดยลองแตะบริเวณที่สว่างที่สุด หรือที่มืดที่สุด จากภาพในกล้อง ซึ่งปรกติแล้วกล้องจะต้องปรับความสว่าง และโฟกัสภาพไปที่บริเวณที่แตะ รูปที่ถ่ายสีต้องไม่เพี้ยน ลองซูมเข้า – ออกดู
ทดสอบแฟลชกล้องหลังโดยการเปิดแฟลชถ่ายหรือการเปิดไฟฉาย
ทดสอบแฟลชกล้องหน้าสำหรับ iPhone 6s, 6s Plus, SE, 7, 7 Plus เนื่องจากทั้ง 3 รุ่นนี้รองรับ Retina Flash
ทดสอบการถ่าย Live Photos บน iPhone 6s, 6s Plus, SE, 7, 7 Plus โดยการเปิดใช้ที่ตรงกลางด้านบน ลองถ่ายและลองเปิดดูภาพที่ภ่าย
นำสายชาร์จที่มาพร้อมเครื่องทำการทดสอบชาร์จด้วยคอมพิวเตอร์หรือแบตสำรอง จากนั้นดูว่าแบตเพิ่มขึ้นหรือไม่
ถ้าซื้อที่หน้าร้านของ TrueMove H, AIS, Dtac หรือ iStudio แนะนำว่าให้พนักงานลองเชื่อมต่อ iPhone เข้ากับคอมฯ แล้วดูว่า iTunes มองเห็น iPhone เครื่องนั้นๆ หรือเปล่า
ตรวจสอบระบบ 3D Touch โดยจะเฉพาะรุ่น iPhone 6s, 6s Plus เท่านั้น เปิดใช้งานได้ที่
เลือกให้เป็นเปิด จากนั้นออกไปที่หน้าจอหลักแล้วกดค้างที่ไอคอนกล้องถ่ายภาพ ถ้ามีเมนูโผล่ออกมาเหมือนภาพด้านล่างก็แสดงว่าใช้งานได้ปกติ
19. เซนเซอร์การหมุนจอ
ทดสอบการหมุนจอโดยเปิด Control Center หรือส่วนควบคุม (ลากหน้าจอจากด้านล่างขึ้นบน) ปิดการล้อกการหมุนจอ (ทำให้เป็นสีเทา)
จากนั้นเปิดแอป Note (โน้ต) ขึ้นมาแล้วหมุน iPhone ให้เป็นแนวนอน ถ้าจอหมุนก็ถือว่าปกติ
ทดสอบหาจุดของ LCD ที่เสียวิธีสังเกตุง่ายๆ คือ เมื่อเปิดดูสีใดๆ ใน 5 สีคือ ดำ ขาว แดง เขียวและน้ำเงิน สีนั้นๆ จะต้องแสดงเป็นสีเดียวกันทั้งหมด เช่น ทดสอบสีดำจอต้องดำหมดห้ามมีจุดสีขาวขึ้นมา (ถ้ามีจุดสีขาวโผล่มาเรียก Bright Pixel) หรือทดสอบสีขาวห้ามมีสีดำโผล่มา(ถ้ามีดำโผล่มาเรียก Dead Pixel)
การทดสอบเปิด Safari ให้ไปที่เว็บ http://jasonfarrell.com/misc/deadpixeltest.php ผ่านทาง iPhone จากนนั้นหมุนจอให้เป็นแนวนอนแล้วเลือกสีที่ต้องการทดสอบ ซูมเพื่อให้สีนั้นเต็มจอและเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช็คดูว่ามีจุดที่เสียหรือเปล่า
ทดสอบระบบ GPS โดยการเปิดแอปแผนที่หรือ Maps ใน iOS และแตะที่ปุ่มระบุตำแหน่งปัจจุบันที่มุมล่างช้าย
เพื่อระบุพิกัดล่าสุด
อย่าลืมเปิด Location Service ก่อนโดยไปที่
ทดสอบ Siri โดยการกดปุ่มโฮมค้างไว้ ลองคุยกับมันซัก 1 ประโยคว่ารับคำสั่งและตอบได้หรือไม่ (ต้องเปิดอินเตอร์เน็ตจึงจะใช้งาน Siri ได้) วิธีเปิด Siri
เปิดแอปเข็มทิศหรือ Compass ขึ้นมาจากนั้นลองหันไปยังทิศทางที่เรารู้จัก เช็คว่าทิศทางถูกต้องหรือไม่
10 ขั้นตอนการเลือกซื้อ iPhone มือสอง (ทุกรุ่น)
เมื่อยุคเปลี่ยน การเวลาเปลี่ยน สินค้า IT รุ่นใหม่นำออกมาเปิดตัว ทำให้หลายๆคนคิดอยากจะขายเครื่องเก่าของตัวเองให้กับคนอื่น และ คนอื่นที่ว่าก็ยังคงเลือกซื้อเครื่องมือสองไม่เป็น และไม่เข้าใจถึงการรับประกันของ iPhone รวมทั้งการดูเครื่อง Lock , unlock ว่าดูยังไง
วันนี้ผมจะมาสอนทุกท่านให้ได้ทราบถึงการดูเครื่องมือสองอย่างไรให้เราได้เครื่องใช้แบบสบายใจครับ
อันดับแรกเราจะต้องดูตำหนิบนตัวเครื่องก่อนนะครับ ถ้าiPhone ยังอยู่ในประกัน แต่ถ้ามีรอยแตก หรือ บุบเข้าไป จะถือว่าหมดประกันศูนย์ทันทีครับ ดังนั้นเช็คดูรอบๆก่อนจะตัดสินใจจ่ายเงินด้วยนะครับ เพราะถ้ายังอยู่ในประกัน และหากมีปัญหาต้องส่งเข้าศูนย์ ศูนย์จะคิดเงินเป็นค่าเซฮร์วิสทันทีครับ (หากไม่มีรอยตกหรือบุบ ก็ไม่มีปัญหาครับ)
อันดับที่สอง ลองทำการทดสอบช่องหูฟังเช่น เสียบหูฟังลองฟัง ลองพูดใส่สมอลทอร์คดูก่อนนะครับว่าติดและพูดคุยสื่อสารกันได้รู้เรื่องเป็นอันโอเค และ ลองทำการถอดออก พูดคุยกันปกติดูว่าเสียงไม่ขาดไม่หาย และ เขาได้ยินเสียงทางฝั่งเรารู้เรื่องเป็นอันยุติครับ
อันดับที่สาม เราต้องทำการทดสอบลำโพงครับ โดยการเปิดเพลง หรือ ลองโทรเข้า เพื่อเช็คว่าระดับเสียงดังไม่มีปัญหา หรือ แตก และตำแหน่งต่อไปที่จะต้องเช็คคือ ตำแหน่งของช่องเสียบสาย USB ลองทำการเสียบสายดูว่าสายสามารถดันได้สุดหรือไม่ และ โยกมั้ย และจะให้ดี ทดสอบการชาร์ตไปด้วยครับ และที่สำคัญให้สังเกตุที่หัวน็อตดีๆด้วยนะครับ
อันดับที่สี่ เราต้องทำการทดสอบปุ่ม Home ให้เราลองกดปุ่ม Home ดูการตอบสนองของเครื่องว่าหน้าจอติด หรือ ออกจาก App ได้ไม่ต้องออกแรงกดมากนัก หรือ กด 2 ครั้งซ้อนดูว่า Multitask ติดขึ้นมาจากด้านล่างจอหรือไม่ หรือจะลองกดค้าง เพื่อดูว่าการสั่งงานเสียงติดปกติมั้ย หากไม่มีอะไรติดขัด และไม่ต้องออกแรง ถือว่าผ่านครับ
อันดับที่ห้า เราต้องทำการตรวจสอบกล้องหน้า (หากมี) ให้เราทำการลองทดสอบการถ่ายรูป และ บริเวณที่หู ให้เราทำการกดโทรออกและลองทำการสนธณาดูว่าเสียงฟังชัด ไม่ขาดหาย เป็นอันใช้ได้ และในระหว่างโทร ให้เราทำการเช็คเซ็นเซอร์หน้าจอด้วย หากแนบไปที่หูแล้วจอดับ แสดงว่าเซ็นเซอร์ปกติครับ ถือว่าผ่านหมด
อันดับที่หก เราต้องทำการเช็คปุ่มต่างๆและสวิตซ์ต่างๆบนตัวเครื่อง หากเครื่องใช้มานานแล้ว สวิคซ์ต่างๆ มักจะมีการหลวมบาง แต่กดได้ปกติ ต้องกดติดทุกปุ่ม ไม่ว่าปิดเปิด , ลดเพิ่มเสียง , สับสั่นเสียง , ต้องทำงานปกติทั้งหมด หากปุ่มใดปุ่มหนึ่งกดติดยาก ให้ผ่านได้เลยครับ
อันดับที่เจ็ด เราต้องทำการลองทดสอบโดยการใส่ซิมการ์ด ดูว่าเครื่องมีการรับสัญญาณปกติหรือไม่ ให้ลองทำการถอดซิมเข้า และดูสัญญาณ และ ถอดออกดูสัญญาณว่ามีการค้างหรือไม่ และเช็คหน้าจอไปด้วยในตอนเดียวกัน จะต้องไม่มีเดสไบร์ (จุดที่ไม่แสดงผลบนหน้าจอ) หรือ ต้องไม่มีไบร์ (จุดที่สว่างจุดเดียวบนหน้าจอ) และระดับแสงสว่างจะต้องติดเสมอกันทั้งหมด ไม่มีจุดเลือนลางบนหน้าจอ
อันดับที่แปด ทำการเช็คกล้องหลังว่ามีการจับภาพได้ปกติหรือไม่ และ ถ้าหาก iPhone รุ่นที่ต้องการมีไฟแฟรชต้องทำการเปิดและเช็คว่าติดปกติ และถ่ายติดปกติหรือไม่ หากติดทั้งหมดและการจับภาพ , VDO ไม่มีปัญหาก็ถือว่าผ่านได้เลยครับ
อันดับที่เก้า ลองทำการค้าหาสัญญาณ WIFI ว่ามีการใช้งาน WIFI และ Bluetoolh ได้ปกติหรือไม่ และให้ลองเข้าไปปรับความสว่างสุดของหน้าจอ เพื่อหาเดสและไบร์บนหน้าจอด้วย รวมถึงเช็คการใช้งาน 3G,EDEG ด้วยเช่นกัน หากติดปกติทั้งหมด ถือว่าผ่านครับ
อันดับที่สิบ ให้ลองดูที่ Setting > General > About > เช็คตรง Model ว่าเป็นเครื่องศูนย์ไทยหรือไม่ ถ้ามีคำว่า MXXXX ลงท้ายด้วย TH นั้นหมายถึงเครื่องศูนย์ไทยและเป็นเครื่อง Unlock เราสามารถใช้งานซิมการ์ดได้ทุกระบบครับ และจะมีช่อง Serial Number หากเรามีโทรศัพท์หรือคอมที่เราต่อเน็ตได้ ให้ทำการเช็คประกันที่คงเหลือด้วยเผื่อมีปัญหาในอนาคตจะได้ส่งเข้าศูนย์เองได้
เท่านี้สิบขั้นตอนที่ทำให้เราได้ตรวจสอบ iPhone มือสองที่เราจะซื้อได้ ทำให้เราตัดสินใจได้เองว่า เราควรจะซื้อ หรือ ไม่ซื้อถ้าตรวจสอบครบทั้งหมดทุกขั้นตอนแล้ว เพราะ iPhone หากเสียขึ้นมาจะซ่อมกันแพงมากตามร้านทั่วไป ดังนั้นตาดีได้ตาร้ายเสียนะครับ