หากโทรศัพท์ของคุณกระตุก ทำงานไม่ราบรื่นหรือช้า

ปัญหาโทรศัพท์กระตุก ทำงานช้า ไม่ราบรื่น เป็นเรื่องปกติในสมาร์ทโฟน และส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย โทรศัพท์ของคุณกระตุกหรือไม่ โทรศัพท์ทำงานช้าหรือเปล่า หากคุณประสบปัญหาที่คล้ายกันนี้มีโอกาสสูงที่คุณจะแก้ไขได้ด้วยตนเอง ในหน้านี้เราจะแสดงวิธีแก้ปัญหาอุปกรณ์สมาร์ทโฟน OPPO ของคุณอย่างถูกต้อง ตรวจหาปัญหาและวิธีแก้ไขโทรศัพท์ของคุณกระตุก

เรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาหากโทรศัพท์กระตุก หรือทำงานไม่ราบรื่น

เหมาะสำหรับ: สมาร์ทโฟน OPPO ทุกรุ่น

หากต้องการแก้ไขปัญหาข้างต้นโปรดตรวจสอบวิธีการต่อไปนี้:

1. ลบออกและติดตั้งแอปพลิเคชั่นใหม่

ทดลองลบและติดตั้งแอปพลิเคชั่นใหม่ เมื่อใช้งานแอปพลิเคชั่นแล้วเกิดความล่าช้าหรือทำงานไม่ราบรื่น และดูว่าสามารถแก้ไขปัญหาหรือไม่

2. ปิดโปรแกรมพื้นหลังที่ไม่ได้ใช้

หากต้องการหลีกเลี่ยงแอปหลายแอปที่ทำงานอยู่เบื้องหลังให้กดเมนูและปิดแอปทั้งหมดโดยกดปิดหรือปิดด้วยตนเองทีละรายการ

3. ล้างแคชและทำการสแกนความปลอดภัย

ล้างแคชและสแกนหาไวรัสอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับโทรศัพท์ของคุณและเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น

• ลบรูปภาพเพลงข้อความวิดีโอหรือไฟล์อื่น ๆ ที่ไม่ต้องการใช้อีกต่อไป

• ไปที่ [ศูนย์ความปลอดภัย] หรือ [การจัดการโทรศัพท์] > [ล้างข้อมูลในที่เก็บข้อมูล] เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้คุณยังสามารถกด [ทำความสะอาดแบบเต็มรูปแบบ] เพื่อล้างไฟล์หน่วยความจำและขยะแคชเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลในโทรศัพท์ของคุณ

* เส้นทางอาจแตกต่างกันในแต่ละระบบและการตั้งค่าหน้าจอของคุณ

• กดค้าง ปุ่ม [เปิด/ปิด] และ ลดเสียง ค้างไว้เป็นเวลาอย่างน้อยแปดวินาทีจนกระทั่งโทรศัพท์เข้าสู่โหมดการกู้คืนจากนั้นล้างข้อมูล

• ใต้ [ศูนย์ความปลอดภัย] หรือ [ตัวจัดการโทรศัพท์] ให้กด [แสกนไวรัส] ตรวจสอบว่าโทรศัพท์ไม่ถูกแฮ็กโดยไวรัส ปลั๊กอิน หรือโปรแกรมที่เป็นอันตราย หรือไม่

4. ดาวน์โหลดและใช้แอปพลิเคชั่นที่ได้รับความเชื่อถือ

ขอแนะนำให้ดาวน์โหลดแอปจากร้านค้า Google Play หรือ OPPO Store แทนแหล่งข้อมูลอื่น

5. ลดการใช้ widgets

ลดการใช้วอลเปเปอร์แบบเคลื่อนไหว หรือปลั๊กอินขนาดเล็กที่รีเฟรชแบบตลอดเวลา อย่าติดตั้ง APP ที่ไม่ใช่ของแท้ เพราะอาจมี plug-ins ที่เป็นอันตราย

6. ตรวจหาและอัปเดต ColorOS

ไปที่ [การตั้งค่า] > [อัปเดตระบบ] เพื่อตรวจหาและอัปเดตโทรศัพท์ของคุณเป็น Color OS เวอร์ชันล่าสุด เมื่อได้รับแจ้งการอัปเดต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อโทรศัพท์ของคุณจาก:

• เพิ่มเสถียรภาพของระบบ

• เพิ่มประสิทธิภาพของระบบเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น

• การแก้ไขข้อบัค

• ยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

• การพัฒนาความเข้ากันได้กับแอป อื่น ๆ
  

7. รีสตาร์ทโทรศัพท์ของคุณเป็นระยะ ๆ

การรีสตาร์ทโทรศัพท์ OPPO เป็นครั้งคราวสามารถทำความสะอาดแคชที่เสียหายหรือชำรุดและป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแอป เพื่อให้การใช้งานที่ราบรื่นขึ้น

แนะนำให้คุณรีสตาร์ทโทรศัพท์ของคุณสัปดาห์ละครั้งเพื่อประสิทธิภาพ

8. วิธีการอื่น ๆ

หากโทรศัพท์ของคุณช้าเมื่อเล่นวิดีโอ

เล่นวิดีโอออนไลน์: ตรวจสอบว่าเครือข่ายอยู่ในสภาพดีและปรับลดความคมชัดของวิดีโอ

เล่นวิดีโอในเครื่อง: เปลี่ยนเป็นเครื่องเล่นวิดีโอของ OPPO ไปที่ [ไฟล์] > [วีดีโอ] ให้เลือกหนึ่งไฟล์แล้วเล่นด้วยวีดีโอ

9. ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม

ติดต่อทีมบริการ OPPO หรือนำโทรศัพท์ พร้อมใบเสร็จ ใบรับประกัน ไปยังศูนย์บริการลูกค้า OPPO เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้ชำนาญการ

วิธีเปิดการทำงานของ GPU บน Android เพื่อให้การแสดงผลลื่นไหลไม่กระตุก ของดีมีให้ใช้ ต้องลอง

ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) หลายๆ ท่าน คงเคยประสบปัญหากับการใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องมีการเกี่ยวข้องกับระบบฟีดข้อมูล (Data Feed) เช่นแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการแชทต่างๆ รวมถึงแอปพลิเคชันอีกหลายๆ ตัวที่อาศัยระบบฟีดข้อมูลในลักษณะนี้ โดยเฉพาะการแสดงผลมีอาการหน่วง หรือมีอาการกระตุกระหว่างการเลื่อนดูข้อความสนทนาที่ยืดยาวต่อเนื่องกันหลายๆ หน้า เลื่อนดูได้ไม่ลื่นไหลทันใจ แต่ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะวันนี้เรามีวิธีเปิดการทำงานของจีพียู (GPU) บน Android เพื่อให้การแสดงผลของแอปพลิเคชันต่างๆ ลื่นไหลไม่กระตุก ซึ่งโดยหลักๆ แล้วก็คือการเปลี่ยนกลไกการแสดงผลของแอปพลิเคชันต่างๆ ที่แสดงผลการวาดภาพแบบ 2 มิติ จากเดิมที่ประมวลผลด้วยซีพียู (CPU) ให้เป็นจีพียู (GPU) หรือหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะแทนนั่นเอง และเพื่อไม่ให้เป้นการเสียเวลาเราลองไปทำพร้อมกันได้เลยครับ

ขั้นตอนที่ 1 : การเปิดโหมด Developer Options

โดยโหมดนี้แม้จะเป็นโหมดที่ออกแบบมาสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ผู้ใช้งานทั่วไปก็สามารถเข้าใช้งานโหมดนี้ได้เช่นกัน และไม่ส่งผลให้เกิดปัญหากับระบบการทำงานของเครื่อง หรือการรับประกันเครื่องแต่อย่างใด สำหรับโหมดนี้การเข้าไปเปิดใช้งานนั้น เมนูต่างๆ ของแต่ละแบรนด์ และแต่ละรุ่น จะแตกต่างกันไป แต่โดยหลักๆ แล้วก็จะมีความคล้ายคลึงกัน สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้โดยง่าย โดยขั้นตอนแรกให้ผู้ใช้งานเข้าไปที่หน้า Settings และกดเลือก About Phone

ต่อไปให้กดเลือก Device information (สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ อาจจะใช้คำที่แตกต่างกันไป เช่น About device) จากนั้นกดเลือกต่อไปที่ Build number เมื่อถึงตรงส่วนนี้ผู้ใช้งานต้องกดย้ำๆ ให้ครบ 4 ครั้ง ถึงจะมีข้อความขึ้นมาว่า "You are now a developer"

ขั้นตอนที่ 2 : การเข้าไปปรับการทำงานในเมนู Force GPU Rendering

เมื่อทำตามขั้นตอนที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีเมนู Developer Options หรือ โหมดสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แสดงขึ้นมาในหน้า Settings ซึ่งเมนูจะอยู่ด้านบนของ About Phone และภายในเมนู Developer Options เราสามารถเปิดการทำงานของจีพียูด้วยคำสั่ง Force GPU Rendering ได้ ซึ่งคำสั่งนี้จะเป็นการบังคับให้การเรนเดอร์ หรือวาดภาพ 2 มิติ ถูกเรนเดอร์ด้วยจีพียู โดยให้เข้าไปที่โหมด Developer Options แล้วเลื่อนขึ้นมาจนถึงหัวข้อ Hardware Accelerated Rendering ก็จะมีเมนู Force GPU Rendering และให้ผู้ใช้งานทำเครื่องหมายถูกตรงช่องด้านขวามือ แค่นี้ก็เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่อย่างไรก็ดี ใช่ว่าคำสั่ง Force GPU Rendering นี้จะส่งผลให้ทุกๆ แอปพลิเคชัน หรือทุกฟังก์ชันภายในเครื่องทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม อาจจะส่งผลให้การทำงานในบางแอปพลิเคชันมีความผิดเพี้ยน หรือไม่เสถียรเท่าที่ควร เนื่องจากแต่ละแอปพลิเคชันถูกออกแบบมาต่างกัน และอาจจะทำงานได้ดีกว่าหากมีการเรนเดอร์ภาพด้วยซีพียูนั่นเอง ดังนั้นหากท่านใดที่สนใจ ก็คงจะต้องทำเทคนิคนี้ ไปทดสอบกับแอปพลิเคชันที่ท่านใช้งานอีกครั้งว่าจะช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้นหรือไม่

แก้ปัญหามือถือ Android ค้าง, ช้าลง, หรือกระตุก

นนี้ผมเลยอยากแนะนำสิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหามือถือ Android ค้าง ช้า หรือกระตุก ให้หายหรือดีขึ้น

1. เลิกใช้ Live Wallpaper  ประเภทแบบเคลืี่อนไหว
เพราะว่า Live Wallpaper เป็นตัวกิน ram ที่เยอะพอสมควร สังเกตุได้จาก เวลาที่เราใช้กับไม่ใช้ Live Wallpaper จะเห็นความแตกต่างกันได้ชัดเจน

2. ปิด Auto Sync
เพราะเวลามือถือกำลัง Sync จะทำให้ Android  ช้าไปในช่วงเวลานั้นๆ พวก Sync email facebooks หรือโปรแกรมอื่นๆ

3. ลบแอพประเภท Background Running
โดยวิธีการดูว่าแอพไหนเป็นประเภท Background Running ให้เข้าไปที่ Settings > Apps > เลื่อนไปที่แถบ Running แล้วก็เลือกลบแอพเหล่านั้นออก ถ้าเราไม่ค่อยได้ใช้

ให้กดปุ่มกลางด้านล่างค้างไว้ จะมีโปรแกรมที่เรายังไม่ได้ปิดออกมา แบบนี้ส่วนใหญ่เป็นของซัมซุง

4. ลบแอพที่ไม่จำเป็น
ยิ่งมือถือ Android  มี Intenal storage เหลือเยอะเท่าไหร่ มือถือก็จะยิ่งเสถียรมากขึ้นเท่านั้น ถ้าอิงจากข้างบนที่ผมบอกเคยเล่น Angry Birds Space แล้วกระตุก พอหลังจากทำการลบแอพออกไปอื้อซ่า ปรากฏว่ามือถือก็ลื่นขึ้นมาจากเดิม

เพิ่มเติม ผมจะไม่แนะนำวิธีการ kill task เพื่อเพิ่มความเร็ว Android เพราะ การ kill task นั้นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งถึงคุณ kill task ไปสักพักนึง แอพเหล่านั้นก็ขะ auto run ขึ้นมาใหม่อยู่ดีโดยธรรมชาติของมือถือ Android

5. ขั้นตอนเพิ่มเติมสำหรับแก้ปัญหา Android ค้าง, ช้าลง, หรือกระตุก
- ลองปิดแล้วเปิดเครื่องดูก่อน ว่ากลับมาเป็นปกติไหม?
- ใช้แอพ Cache Cleaner อะไรพวกนี้ ลบ cache ออกจากเครื่องให้หมด
- ลบแอพให้เหลือน้อยที่สุด เอาทีจำเป็นจริงๆ
- ลบแอพ Facebook (Official) เพราะมันกินทรัพยากรเครื่องเยอะมาก แล้วต้องยอมไป

ุ6. หา App ประเภทสามารถดู Ram ของเราว่าเหลืออยู่เท่าไหร Ram จะมากน้อยอยู่สเปคของเครื่องรุ่นนั้นๆ   ถ้ามี ram 512 Mb ไม่แนะนำให้ลงแอฟใหญ่หรือ ลงมากจะกิน ram มากทำให้เครื่องรวนและค้าง ง่ายถ้ามี ram เหลือต่ำกว่า 60 Mb หรืออาจทำให้กดโทรออกหรือรับมีปัญหาได้
ลงแอฟใหญ่ๆ ขนานไฟล์ใหญ่ไม่เหมาะกับสเปคเครื่องแล้วไม่ลบออก แนะนำให้หา App ประเภท boot ram มารอดูว่า ram เครื่องเราเหลือเท่าไหร มีข้อนิดหนึ่ง หลังจากคุณใช้ App เหล่านี้แล้วควร Reboot
เครื่องหรือปิดแล้วเปิดใหม่ซักครั้งก็ดีนะ

7.  แอฟที่เรานิยมใช้มากๆ เช่น line หรือโปรแกรม แชทอื่นๆ หรือโปรแกรมที่มีการจัดเก็บข้อมูลที่ผ่านมาหรือที่เราได้แชทไปแล้ว แต่มีการจัดเก็บในเครื่องเรา ยิ่งมีมากก็ทำให้เกิดอาการได้ง่าย ต้องมั่นลบออกบางก็จะดี

สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) หลายๆ ท่านอาจจะเกิดปัญหากับการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ที่เมื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันนั้นแล้วไม่ลื่นไหล หรือมีสะดุดไม่ทันใจบ้างเป็นบางครั้ง หรืออาจจะถึงขั้นบ่อยครั้ง โดยวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter จะมาแนะนำเคล็ดลับดีๆ ง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ของคุณให้ไหลลื่น ไม่สะดุดทุกแอปพลิเคชัน ทำได้ง่ายๆ ภายใน 1 นาที ให้ผู้อ่านได้ชม และลองทำตามกันดูค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 : เปิดโหมด Developer options
 

สำหรับโหมด Developers options แม้จะเป็นโหมดที่ออกแบบมาสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ผู้ใช้งานทั่วไปก็สามารถเข้าใช้งานโหมดนี้ได้เช่นกัน ซึ่งจะไม่ส่งผลให้เกิดปัญหากับระบบการทำงานของเครื่อง หรือการรับประกันเครื่องแต่อย่างใด

และการเปิดใช้งานโหมด Developer options นั้นอาจแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีชื่อเมนูคล้ายคลึงกัน จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้โดยง่าย โดยมีขั้นตอนดังนี้

1.เข้าไปที่หน้า Settings และกดเลือกที่เมนู About Phone (สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ อาจจะใช้คำที่แตกต่างกันไป)

2.เข้าไปที่หน้า Software Information และกดที่เมนู Build Number ติดกัน 4 ครั้ง แล้วจะปรากฎหน้าต่างให้ยืนยันตัวตนด้วยการกรอกรหัสปลดล็อกตัวเครื่อง และจะมีข้อความแจ้งเตือนขึ้นว่าทำการเปิดโหมด Developer เรียบร้อยแล้ว

*หมายเหตุ : สมาร์ทโฟนบางรุ่นจะมีเมนู Developer Options ที่พร้อมเปิดใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องทำตามขั้นตอนข้างต้น สามารถตรวจสอบได้โดยการพิมพ์ Search ในหน้า Setting

ขั้นตอนที่ 2 : ปรับการตั้งค่า Animation
 

เมื่อทำตามขั้นตอนที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีเมนู Developer options หรือ โหมดสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ แสดงขึ้นมาในหน้า Settings โดยในโหมดนี้ผู้ใช้จะสามารถตั้งค่าตัวเครื่องแบบขั้นสูงได้ในหลายด้าน ซึ่งหนึ่งในด้านที่มีผลทำให้ตัวเครื่องลื่นไหลขึ้นนั้นอยู่ในหมวด Drawing

สำหรับหมวด Drawing ก็จะมีเมนู Animation ให้เลือกปรับแต่งอยู่ด้วยกัน 3 เมนู ประกอบไปด้วย Window animation scale, Transition animation scale และ Animator duration scale ซึ่งเป็นการแสดงเอ็ฟเฟ็กต์ขณะเปลี่ยนแอปพลิเคชันต่างๆ นั่นเอง

โดยค่าเริ่มต้นของแต่ละอย่างจะอยู่ที่ค่า 1x จากนั้นให้ผู้ใช้ลองปรับค่าไปที่ .5x เพื่อลดค่า Animation ให้ต่ำลง เพื่อให้มีการหน่วงเวลาน้อยลงนั่นเอง หรือหากจะไม่ให้มีการหน่วงเวลาเลย และให้การทำงานดูรวดเร็วฉับไวที่สุดก็ให้ปรับค่าเป็น off เลยก็ได้เช่นกัน แต่หากเราปรับเป็น off แล้วการแสดงผล Animation ในแต่ละแอปพลิเคชันจะหายไป อาจจะดูไม่สวยงามเนียนตา แต่ก็แลกกับการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ที่ดูไหลลื่นรวดเร็วทันใจกว่าเดิมค่ะ

ผลการทดสอบการปรับค่า Animation ทั้ง 3 เมนู

ค่าเริ่มต้น 1x เมื่อเปิดแอปพลิเคชันต่างๆ จะเห็นว่ามีหน้าต่าง Animation แสดงขึ้นมาในเล็กน้อยพอสวยงาม

แต่หากเราปรับค่า Animation ทั้ง 3 ค่า ให้เป็น off เมื่อเปิดแอปพลิเคชันต่างๆ จะไม่มี Animation แสดงขึ้นมาเลย ซึ่งจะช่วยให้การทำงานดูมีความรวดเร็วมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่เอฟเฟกต์สวยๆ หายไปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ทางทีมงานจะขอแนะนำให้ Restart หลังจากที่มีการตั้งค่าใหม่ค่ะ

สำหรับท่านที่ยังต้องการให้มีความสมูทระหว่างการเปลี่ยนหน้าจอ หรือการเข้าแอปพลิเคชันต่างๆ ก็จะแนะนำให้ตั้งค่าไว้ที่ระดับ .5x ค่ะ ซึ่งช่วยให้เข้าแอปพลิเคชัน และเปลี่ยนหน้าจอได้รวดเร็วขึ้น โดยที่ยังคงเอ็ฟเฟ็กต์บางๆ ไว้

ทั้งนี้การปรับค่าแสดง Animation จากโหมด Developer เป็นเพียงหนึ่งในทริคที่จะช่วยให้ผู้ใช้มือถือ Android สามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่น และรวดเร็วทันใจยิ่งขึ้น พร้อมกับช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกด้วย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการไม่มีเอฟเฟ็กต์สวยๆ และอาจดูห้วนๆ เกินไป