by NayNoy.Com Posted on 2022-05-05
ความรักคือการหมั่นดูแลเอาใจใส่ต่อกัน ไม่ให้คนรักของเรารู้สึกแย่ หรือเหงา แต่หากคุณมีแฟนเป็นหนุ่มขี้น้อยใจ ขี้งอน ทำให้ทะเลาะกันบ่อยๆ ในเรื่องที่บางครั้งคุณมองว่าเล็กนิดเดียว ปัญหาแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคู่รักแทบทุกคู่ จะรับมืออย่างไรให้รักนี้ยืนยาว หากพร้อมแล้วต้องมาดูกันค่ะสาวๆ
1.ทำความเข้าใจในความรู้สึกของเขา
หากว่าใครมีแฟนขี้น้อยใจ ให้ทำความเข้าใจว่าพื้นฐานนิสัยของแต่ละคนที่แตกต่างกันนั้นมาจากการเลี้ยงดู การที่แฟนหนุ่มของคุณเป็นผู้ชายขี้งอน ขี้น้อยใจ อาจเป็นเพราะในวัยเด็ก เขาถูกเลี้ยงดูแบบผิด ๆ ทำให้เป็นคนขาดความอบอุ่น ต้องเรียกร้องความสนใจด้วยการงอนหรือการน้อยใจนั่นเอง เมื่อเข้าใจถึงสาเหตุของนิสัยแล้ว ต่อไปคุณจะรับมือกับการงอนหรือน้อยใจของเขาได้ดีขึ้น
2.เบนความสนใจของเขา
หากเขากำลังงอนอยู่ ลองชวนเขาคุยในเรื่องที่เขาโปรดปราน เช่นถามถึงผลการแข่งบอลเมื่อคืน หรือชวนคุยเรื่องโมเดลที่เขากำลังต่ออยู่ การชวนคุยแบบนี้หากเขากำลังงอนในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ เขาจะมีอารมณ์ดีขึ้นและหายงอนในที่สุด
3.จับเข่าคุยกัน
การพูดคุยและทำความเข้าใจในสิ่งที่เขางอนหรือน้อยใจคือสิ่งสำคัญที่สุด ลองถามเขาไปตรง ๆ ว่าอะไรทำให้เขางอนหรือน้อยใจ แล้วแก้ไขที่ต้นเหตุ หากเป็นเรื่องที่คุณทำผิดจริงก็จงให้สัญญากับเขา พร้อมบอกกับเขาว่าต่อไปคุณจะไม่ทำอีก แต่หากเรื่องใดที่เขางอนมากเกินกว่าเหตุ ลองปรับความเข้าใจเขาเสียใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก แต่อย่างไรก็ตามจงจำไว้ว่าอย่ายอมรับผิด ทั้ง ๆ ที่คุณไม่ใช่คนผิด เพราะจะทำให้เขาติดนิสัยนี้ไปเรื่อย ๆ และคุณจะยิ่งเหนื่อยในการคบกับเขา
4.เอาน้ำเย็นเข้าลูบ
หากใครที่มีแฟนขี้งอน แนะนำว่าให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว แค่มองหน้าเขานิ่ง ๆ ปล่อยให้เขางอนเสียให้พอ หากเขาโวยวายที่เราเงียบหรือนิ่งก็ให้ใจเย็น ไม่ชวนทะเลาะ และไม่ขึ้นเสียง รอจนกระทั่งเขาใจเย็นลง แล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ รับรองเลยว่าคราวหลังเขาจะไม่งอนคุณอีกเลย
การมีแฟนขี้น้อยใจ มองไปก็น่ารักดี แต่หากมากเกินไป ก็ทำให้รำคาญได้ แนะนำว่าหากใครที่เจอกับปัญหาแบบนี้ให้แก้ที่ต้นเหตุด้วยการเคลียร์ปัญหาที่ค้างคาใจกันจะดีที่สุด เพราะหากปล่อยไว้เรื้อรังอาจจะทะเลาะกัน จนนำมาสู่รอยร้าวที่ยากจะประสานได้
เรื่องน่าปวดหัวเรื่องหนึ่งที่คนมีแฟนมักจะเจอเป็นประจำ มักเกิดขึ้นในเวลาที่ทะเลาะกันหรือมีเรื่องที่คุยกันแล้วไม่เข้าใจ คือการที่อีกฝ่าย “ขี้งอน” มากเกินไปหน่อย “เกิน” ในที่นี้คือเกินไปมากจริง ๆ อะไรนิดอะไรหน่อยก็งอน เหมือนคนที่จ้องหาจังหวะจะงอนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเหตุผลในการงอน หรืออะไรที่ไม่เป็นเรื่องก็สามารถทำให้เป็นชนวนเหตุแห่งการงอนได้ พอจะอธิบายอะไรให้ฟังก็ไม่ค่อยอยากจะฟัง ฟังแต่ความคิดของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว จนอีกฝ่ายรู้สึกเหนื่อยที่จะง้อ และพอไม่ง้อ เรื่องก็ยิ่งบานปลายไปกันใหญ่ มีใครที่ติดอยู่ในวังวนแบบนี้บ้าง?
ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ในทุกวันจะวนอยู่แค่นี้ไม่จบสิ้น งอนแล้วก็ง้อ ดีกันได้ไม่กี่อึดใจ อะไรขัดใจนิดเดียวก็งอนใหม่แล้วก็ต้องง้อใหม่ ความสัมพันธ์ที่ต้องประคับประคองกันไปแบบนี้ ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อบ้างเหรอ ทั้งที่ในความเป็นจริง ทุกอย่างมันดีกว่านี้ได้ แค่พูดคุยกันแบบเปิดใจแล้วปรับคนละนิดคนละหน่อยเท่านั้นเอง
อาการ “งอน” คือการแสดงความโกรธเคืองหรือไม่พอใจเพื่อให้อีกฝ่ายง้อ ซึ่งมันมาจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจว่าตัวเองได้รับความรัก ความสนใจ หรือความสำคัญจากคนที่รักน้อยกว่าที่ควรจะได้รับ เป็นไปได้ทั้งจากการที่อีกฝ่ายให้ความรัก ความสนใจ ความสำคัญน้อยไปจริง ๆ หรืออาจจะเกิดจากการคิดมากไปเองว่ามันน้อยลง รวมถึงการละเลยเหตุผลที่อีกฝ่ายให้มา ว่าทำไมทุกอย่างมันถึงดูน้อยลง
ปกติแล้วเราก็มักจะงอนเฉพาะกับคนที่เรารักและเป็นคนที่เราให้ความสำคัญ เพราะกับคนแปลกหน้าหรือคนที่เราไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย ก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปอยากได้ความรัก ความสนใจ หรือความสำคัญอะไรจากพวกเขา พูดง่าย ๆ ก็คือ คนเราจะไม่งอนกับคนที่เราไม่รักและไม่ให้ความสำคัญหรอก เพราะฉะนั้น อย่างน้อย ๆ เวลาที่มีคนงอนเรา เราก็ควรจะดีใจว่าที่อีกฝ่ายเขางอน แปลว่าเขารัก เขาสนใจ และเขาให้ความสำคัญกับเราอยู่นะ ที่สำคัญคือ เราอยากให้ง้อ เพื่อที่จะได้กลับมาดีกันเหมือนเดิม
แต่…อะไรที่มันมากเกินไป มันก็เป็นโทษ เป็นพิษ เป็นภัยได้ทั้งนั้น อย่างการงอนที่มักจะเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็เช่นกัน ไม่มีใครที่ชอบคนที่ขี้งอนพร่ำเพรื่อ ยิ่งถ้าเป็นคนที่งอนแบบไม่มีเหตุผลด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ แรก ๆ มันก็แค่น่าเบื่อ พัฒนาจนเป็นความเหนื่อย รำคาญ กัดกร่อนบ่อนทำลายความสัมพันธ์ จนในที่สุดก็ถึงจุดแตกหัก เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย
ความสัมพันธ์ที่ดี ควรไปในทิศทางที่ต่างฝ่ายต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน เป็นที่พัก ที่พึ่งพิงทางใจให้แก่กัน แต่แบบนี้เหมือนจะยิ่งเหนื่อยกว่าเดิม ถ้าเริ่มรู้สึกว่ามันมากเกินไป อาจต้องคุยให้เข้าใจแล้วปรับให้เข้ากัน อย่าคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเอ๊ะแล้วคิดได้เอง ด้วยคนเรามีความสามารถในการคิดได้เองไม่เท่ากัน เมื่อคุยกันแล้ว การปรับตัวเข้าหากันใหม่อีกทีอาจเริ่มจาก
คนที่ไม่มีเหตุผล ส่วนมากไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่มีเหตุผล ดังนั้น แค่ความรู้สึกที่มันขัดใจตัวเอง ไม่ได้ตามที่ตัวเองต้องการก็งอนแล้ว หรือบางทีอาจเป็นการตั้งแง่บางอย่างกับอีกฝ่ายจนกลายเป็นทำอะไรก็ไม่ถูกใจก็ได้ ควรพยายามที่จะเป็นคนมีเหตุผลให้มากขึ้นกว่านี้ ฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามบอก มองโลกตามความเป็นจริง เข้าใจอะไรง่าย ๆ อย่าสะบัดสะบิ้งเพียงเพราะต้องการให้อีกฝ่ายง้อ มีอะไรคุยกันดี ๆ เลือกที่จะสื่อสารกันตรง ๆ 2 ฝ่ายดีกว่า แล้วก็ถ้าเลิกได้ก็เลิกซะ! ความคิดที่ว่าถ้างอนแล้วแฟนต้องง้อ เพราะบางทีมันอาจถึงจุดที่เขาไม่ง้อและพร้อมบอกเลิกอยู่ก็ได้
รู้ไหมว่าการงอนกันไปง้อกันมามันเสียเวลามากกว่าที่คิด เสียอารมณ์ความรู้สึกด้วย ถ้าจะไม่พอใจ แสดงออกมาว่าโกรธหรือต่อต้านเลยจะดีกว่าชัดเจนดี อย่างที่ฝรั่งบอกว่า “It’s okay to get upset, be mad but don’t sulk!” นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย โดยลองเอาตัวเองเข้าไปแทนแฟน ไปอยู่ในจุดที่ต้องรับมือกับคนขี้งอนแบบนี้เป็นประจำ ถึงจะรู้ว่ามันประสาทแค่ไหน การเรียกร้องความสนใจแบบนี้บ่อย ๆ สร้างความอิดหนาระอาใจให้คนรอบข้าง แล้วถ้าต้องมาคอยรับมือแฟนขี้งอนวันละ 4 เวลา มันจะเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นพิษขนาดไหน ต้องเห็นใจกันด้วย
เผื่อเข้าใจผิดว่าที่บอกมาทั้งหมดคือ “ห้ามงอน” คนรัก คนรักกันไม่ได้หมายความว่าจะงอนกันไม่ได้เลย การงอนง้อกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ถือเป็นสีสันและช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ควรจะรู้ขอบเขต งอนแบบไหนแล้วน่ารัก น่าง้อ หรืองอนแบบไหนแล้วงี่เง่า น่ารำคาญ พาลให้หงุดหงิด งอนอย่างพอดีก็คือให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราไม่พอใจ เขาควรทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่งอนพร่ำเพรื่อ ชอบวีนเหวี่ยงเกรี้ยวกราด เปิดช่องว่างให้เขามาเคลียร์ พออีกฝ่ายมาง้อแล้วหรือขอโทษแล้ว ก็พูดคุยปรับความเข้าใจ จบแล้วให้จบ อย่าต่อความยาวสาวความยืด อย่าขุดเรื่องเก่ามาพูด อย่าประชด
ต้องทำความเข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายคนง้อประจำ อาจต้องมองให้เห็นปัญหาว่าคนขี้งอนก็คงจะมีสาเหตุเหมือนกัน อาจเป็นปมในวัยเด็กที่ขาดความรัก การเอาใจใส่ จนรู้สึกว่าต้องเรียกร้องเพื่อให้ได้มาอยู่เสมอ อาจเคยเก็บกดเพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีโอกาสได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเองตรง ๆ ไม่มีความมั่นใจและกล้าพอที่จะสื่อสารสิ่งที่ต้องการตรง ๆ จนต้องมีวิธีแสดงออกในลักษณะของการงอนเพื่อให้มีคนตามง้อ หรือในอีกกรณีคืออาจเคยโดนตามใจจนเคยตัว แล้วเมื่อแสดงอาการเอาแต่ใจตัวเองแล้วมีคนมาเอาใจ ก็จะแสดงออกแบบนี้ไปตลอดเพื่อให้ได้ดั่งใจ
ฝ่ายคนขี้งอน ก็ต้องเข้าใจทั้งพฤติกรรมของตนเองและของคนรัก จริง ๆ คนรักอาจจะรักและแคร์มาก แต่เขาแค่แสดงออกไม่เก่ง และไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอย่างไรเพื่อเอาใจคนรักของตัวเอง หรือบุคลิกเขาอาจเป็นคนที่ง้องอนใครไม่เป็น ไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึง้องง้อก็ได้ หรืออาจเป็นเพราะตัวเขามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต้องทำ จนบางทีก็ละเลยคนรักไปบ้าง แต่ถ้าว่างเขาก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง การพยายามทำความเข้าใจกันและกันเพื่อยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น รับให้ได้ทั้งข้อดีข้อเสีย น่าจะทำให้ปัญหาน้อยใจหรืองอนเก่งค่อย ๆ หายไปได้เอง
เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะคาดหวังนู่นนั่นนี่ในตัวคนรัก แต่การที่เราคาดหวังสูงแล้วไม่ได้ตามที่หวัง ความผิดหวังมันก็จะยิ่งรุนแรง โดยพื้นฐานพวกอารมณ์น้อยอกน้อยใจหรือขี้งอนก็อยู่บนพื้นฐานของการคาดหวังอยู่แล้ว คาดหวังว่าจะได้รับความรัก การดูแลเอาใจใส่ ความสนใจเท่านั้นเท่านี้ ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เป็นที่รัก เป็นที่ยอมรับ หากไม่ได้ตามที่หวังก็คงรู้สึกน้อยใจหรืองอนได้ไม่แปลก หากรู้ดังนี้แล้ว ก็ลองคาดหวังให้น้อยลงมา จะได้ไม่ทุกข์เอง ต้องการอะไรก็บอกไปตรง ๆ อย่าคิดเยอะ อย่าคาดหวังว่าเขาจะรู้ได้เอง แบบนี้ชัดเจนกว่าเยอะ
วิธีแรก ให้ประเมินสถานการณ์ตรงหน้าก่อนเลย จะได้รู้ว่าควรจะทำยังไง ถ้าสถานะงอนเบาๆ แบบยังคุยอยู่บ้าง แต่น้ำเสียงราบเรียบ ถามคำตอบคำ ฟังดูรู้ว่าขุ่นมัวไม่ปกติ แค่คุณเอาตัวไปอยู่ใกล้ๆ ซื้อของชอบมาให้ทาน ชวนคุยคะขา ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน ชวนนั่งดูหนังเรื่องที่เค้าชอบ เอาใจใส่ให้มากกว่าปกติซักนิด รับรองว่าไม่นานก็หายเพราะเขาจะสัมผัสได้ว่าสิ่งที่คุณทำ บอกเป็นนัยๆ ว่าฉันกำลังง้ออยู่นะ โดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากพูดอะไร แต่ถ้าเขาเอ่ยปากพูดเรื่องสาเหตุที่ทำให้โกรธ ก็แค่เอ่ยปากขอโทษอีกซักครั้งก็คงไม่เป็นไร
วิธีที่ 2 สถานะโกรธแบบไม่พูดด้วยเลย หายเงียบไป โทรไปก็ไม่รับสาย ส่งไลน์ก็ไม่เปิดอ่าน งานนี้ต้องเพิ่มความพยายามในการง้อมากกว่าเดิม ก่อนอื่นควรหาสาเหตุให้ได้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไรให้ได้ก่อน ในเมื่อติดต่อไม่ได้ ก็ไปหาเขาเลย แต่ไม่ต้องให้เค้ารู้นะ ฝากขนมที่เค้าชอบ หรืออาหารกลางวัน แปะโน้ตไว้หน่อย ขอโทษ / คิดถึงนะ อะไรก็ว่ากันไป ฝากไว้ให้เค้า แล้วส่งไลน์ไปบอกว่าแวะมาหานะ แต่คิดว่าคงไม่อยากเจอหน้าเลยฝากของไว้ให้ ลองดูปฏิกิริยา ถ้าเปิดอ่าน แต่ไม่ตอบ แสดงว่าเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น อย่าเพิ่งหยุดง้อ เริ่มแผนต่อไป ลองโทรไปชวนทานข้าว ร้านใหม่น่านั่ง หรือชวนไปดูหนัง บอกให้รู้ว่าอยากใช้เวลาอยู่กับเขา ลองอ้อนนิดๆ สถานการณ์จะค่อยๆ ดีขึ้น จำไว้เสมอว่า ทำยังไงก็ได้ที่สื่อให้เขารู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญสำหรับคุณ
วิธีที่ 3 งัดมารยาหญิง อ่อนแอเข้าหา ดราม่าเข้าไป พี่จ๋าฉันป่วย อันนี้ประมาณว่าทำหลายวิธี แต่ยังไม่สำเร็จ อันนี้ไม้เด็ดเลย อัพสเตตัสใน Social ไป ป่วยใจยังไม่หาย ป่วยกายซ้ำอีก ประมาณๆ นี้แหละ จะให้เนียนก็ให้เพื่อนส่งข่าวไปบอกเค้า สะกิดแรงๆ ให้หันมาดูแลหน่อยน๊า แบบว่าหมดแรง ไม่ไหวจะง้อแล้วนะ
วิธีที่ 4 อันนี้ 18+ ไม่ต้องบรรยายก็เข้าใจตรงกันนะ ให้ภาษากายสื่อสาร ที่สำคัญวิธีนี้จะทำให้ผู้ชายรู้สึกว่าเขายังมีค่าและเป็นเจ้าของคุณอยู่ และทำให้คุณทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้ง่ายและได้ผลไวที่สุด
วิธีที่ 5 กับการผิดใจ หรือทำความผิดต่อใจ ถึงขั้นไม่พูด ไม่ติดต่อกันนานข้ามสัปดาห์ พยายามยังไงก็ยังไม่ยอมดีด้วย ถ้าคุณผิด แล้วเขาสำคัญมาก ไม่อยากจะเสียเขาไปจริงๆ ต้องรีบง้ออย่างด่วน ยิ่งนานยิ่งไม่ดีแน่ ก่อนอื่นเลยตัวเราต้องเข้าใจปัญหาและยอมรับว่าสิ่งที่ทำผิดกับเขาจริงๆ การขอคืนดีจะออกมาจากใจ ครั้งนี้อาจจะต้องลงทุนลงแรงแบบสุดตัว จุดอ่อนของผู้ชาย คือ การแสดงออกด้วยความจริงใจ ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขา งานนี้อาจจะต้องหาแนวร่วม เช่นขอให้เพื่อนสนิทของเขาช่วย พาเขาออกมา ทำเป็นเจอโดยบังเอิญ คือ ขอแค่มาเจอกัน เปิดใจเคลียร์กันต่อหน้าให้ได้ก่อน นอกนั้นก็เคลียร์กันด้วยเหตุผล อย่าใช้อารมณ์คุยกัน ถ้าเค้ายังรักคุณ และพร้อมให้อภัย เรื่องก็จบได้ไม่ยากค่ะ
แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีวิธีไหนจะใช้ได้ผลกับคนไม่มีใจ หากเค้าอยากจะไป อยากเลิกกับคุณอยู่แล้ว อันนี้ก็ต้องรับความจริงและ let it go นะคะ ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว จบให้สวย อย่างอแงฟูมฟาย เดินออกมาอย่างมั่นใจ สวย เชิดเข้าไว้ ถือว่าเค้าไม่ใช่ เรียกคิวต่อไปได้เลยค่ะ
1. ควบคุมอารมณ์โมโหอยู่
เพราะความโกรธที่รุนแรงอาจนำไปสู่สิ่งเลวร้ายที่จะตาม ดังนั้นผู้หญิงหลายคนจะชอบเงียบเพื่อรวบรวมสติ และทำใจให้เย็นลง
2. รอดูปฏิกิริยาของผู้ชาย
ไม่ใช่ว่าพวกเธอไม่มีเหตุผลเสมอไปหรอกนะ การเงียบอาจเป็นช่วงเวลาที่พวกเธอกำลังสังเกตอาการและปฏิกิริยาของผู้ชายอยู่ก็ได้
3. กลัวว่าพูดตรงๆ อาจทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ
ผู้หญิงเป็นเพศขี้กลัว เพราะฉะนั้นไม่ผิดหรอกที่พวกเธอจะกลัวอะไรที่ทำให้ผู้ชายไม่สบายใจ ก็เพราะแคร์และรักนั่นแหละเนอะ
4. ถึงพูดออกไป ก็ไม่เปลี่ยนอะไรจากเดิม
ซึ่งบางทีมันอาจเป็นเรื่องที่พวกเธอพูดมาแล้วบ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนอะไรให้ดีกว่าเดิมได้ เช่น เคยบอกผู้ชายไปแล้วว่าแบบนี้ไม่ชอบ แต่ผู้ชายกลับลืมแล้วยังทำแบบเดิม
5. อยากให้ผู้ชายเข้าใจด้วยตัวเอง
คนรักกันก็ต้องเรียนรู้และสังเกตกันบางสิเนอะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของผู้หญิงก็สำคัญ ดังนั้นหากไม่อยากให้เกิดอาการเงียบแบบนี้บ่อยๆ ผู้ชายต้องหัวเข้าใจอะไรด้วยตัวเองซะบ้าง